ส่วนประกอบสำคัญ
เอนไซม์ อาไมเลส, เอนไซม์ โปรทีเอส, เอนไซม์ ไฟเทส, เอนไซม์ ไลเปส, เอนไซม์ ไซเลเนส, เอนไซม์ เซลูเลส, เอนไซม์ เอสเทเรส
ประโยชน์ที่ได้รับ
• ป้องกันการเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค เช่น Rhizoctonia, Phytophthora, Fusarium, และPythium(รากเน่า โค่นเน่า)
• ตรึงไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้พืชนำไปใช้
• ผลิตสารชีวเคมีที่กระตุ้นให้พืชเติบโตและเขียวไว
• สร้างกระบวนการ Induced Systemic Resistance (ISR) คือ การกระตุ้นให้พืชสร้างสารควบคุมโรคเอง โดยมีหลักฐานชัดเจนว่า การใช้เติมสารชีวภาพใน Ecd D ไปที่รากทำให้สามารถป้องกันใบของพืชไม่ให้เกิดโรคได้ด้วยกระบวนการนี้
คุณสมบัติ
- ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม เพื่อปลดปล่อยธาตุอาหาร ให้พืชนำไปใช้ได้ทันที
- ช่วยเสริม ประสิทธิภาพของปุ๋ย โดยกระบวนการย่อยสลาย เพื่อให้พืชนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
- เพิ่มแร่ธาตุและดูดซึมธาตุอาหารในดิน เช่น แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เพื่อให้ดินสมบูรณ์
- เพิ่มสารอาหาร และความสามารถ ในการอุ้มน้ำ ของดิน ทำให้ พืชเจริญงอกงาม ทนทานต่อโรค
- ช่วยลดอาการ โรคเน่าหัวเน่า รากเน่าโคนเน่า เหยี่ยวเขียว เป็นต้น
สามารถใช้ได้ดีกับพืชทุกชนิด โดยเฉพาะ ทุเรียน ปาล์มน้ำมันยางพารา พืชผัก
อัตราและวิธีการใช้
อัตรา 1 กิโลกรัมต่อพื้นที่เพาะปลูก 1-2 ไร่ โดยผสมกับปุ๋ย 50 กิโลกรัม หรือหว่านลงในโคนต้นโoดยตรง
กรณีรักษาอาการพืชที่เป็นโรค เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน โดยการเปิดปากแผล จากนั้นนำเอนไซม์ Super D ผสมกับน้ำทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง ทาบริเวณบาดแผล
ผลิตโดย
บริษัท แซคอากริเทค จำกัด
จัดจำหนายโดย
บริษัท ซุปเปอร์เอส จำกัด