ประโชน์ของกากน้ำตาล
- ช่วยให้พืชผักสวนครัว อุดมสมบรูณ์
- ช่วยปรับสภาพดิน
- สามารถผสมกับอาหารสัตว์ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติแก่อาหารสัตว์แล้วยังช่วยกระตุ้นการทำงานของบัคเตรีในกระเพาะ ซึ่งจะช่วยย่อยอาหารหยาบ เช่น ยอดอ้อย ฟางข้าว
- สามารถดับกลิ่นได้
- ใช้ทำน้ำหมักจุลินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ
- เพาะขยาย EM
- เพาะเลี้ยงเชื่อจุลินทรีย์
- ผสมกับพืชสด ฟาง และรำข้าว เพื่อเป็นอาหารสัตว์
วิธีการใช้งาน
1. ฉีดพ่นพืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 5 - 10 ลิตร (1: 500 - 1,000) ควรฉีดพ่นให้บ่อยครั้ง
2. ราดกองใบไม้ใบหญ้า สด แห้ง อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 - 3 ลิตร (1: 200 - 250) ใช้พลาสติกคุลมกองพืชปล่อยให้เกิดการย่อยสลาย 1 - 2 สัปดาห์ นำมาใช้ ้ประโยชน์ได้ ใช้ผสมดินหรือคลุมดินบริเวณต้นพืช
3. ใช้ทำปุ๋ยหมักแห้ง โดยใช้น้ำสกัดชีวภาพ อัตรา 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร และเพิ่มกากน้ำตาล 2 ช้อนราดปุ๋ยหมักแห้งให้มีความชื้นหมาดๆ
4. ราดดินแปลงเพาะปลูกปฏิบัติดังนี้ พรวนดินผสมคลุมเคล้ากับวัชพืช หรือเศษพืชใช้อัตราเจือจาง 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 - 5 ลิตร (1: 200-500) ราด 1 ตรม. ต่อ 0.5 - 1 ลิตร ปล่อยให้เกิดการย่อยสลาย 3 - 7 วัน ก็สามารถปลูกพืชหรือกล้าไม้ได้ ถ้าต้องการกำจัดวัชพืชพวกมีเมล็ดควรปล่อยให้วัชพืชงอกอีกครั้งหนึ่ง จึงพรวนซ้ำ แล้วรดน้ำสกัด ชีวภาพหรือน้ำหมักชีวภาพ หรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำเจือจาง อัตรา 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร (1:500) ปลูกพืชได้ภายใน 2-3วัน
5. ผสมน้ำอัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 - 5 ลิตร (1: 100 - 500 ) ราดพื้นที่ทำความสะอาดจะช่วยย่อยอินทรียวัตถุที่ติดพื้น นำไปเทในแอ่งน้ำขังช่วยย่อยอินทรีย์วัตถุ ในแอ่งน้ำให้ย่อยสลายลงทำให้แอ่งน้ำที่มีสภาพดีขึ้น
6. การขยายหัวเชื้อทำได้โดยอัตราส่วน คือ น้ำสกัดชีวภาพหรือน้ำหมักชีวภาพหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ : น้ำ ในอัตราส่วน 1 : 1 : 10 ใส่ขวดปิดฝา 3 วัน นำไปใช้ได้
** ข้อควรระวัง **
- ไม่ควรใช้ในอาหารลูกสุกรอ่อนอายุต่ำกว่า 8 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้ลูกสุกรท้องเสีย
- อาหารที่ผสมกากน้ำตาลไม่ควรเก็บไว้นาน เพราะมักมีราขึ้นและมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
- เก็บกากน้ำตาลไว้ในที่ร่ม อย่าให้โดนแดดหรือโดดฝน และ อย่าใกล้ความร้อน
- ห้ามใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรด และด่างทำความสะอาดความ
- จัดเก็บในที่แห้งและให้พ้นห่างจากมือเด็ก