Product description
การใช้ EM อีเอ็มEM คืออะไร เอาไว้ทำไม เพื่ออะไร
EM จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ
EM กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพและให้ประโยชน์ในทางเกษตรกรรม โดยกลุ่มจุลินทรีย์นี้ได้รับการคัดและเลือกสรรเป็นอย่างดีจากธรรมชาติที่มี ประโยชน์ต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อมมารวมกัน
EM มีลักษณะอย่างไร?EM มีประโยชน์อย่างไร?EM สามารถประยุกต์ใช้ได้หรือไม่?
อีเอ็มย่อมาจากมีประสิทธิภาพจุลินทรีย์หมายถึงกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งศ.ดร.เทรูโอะฮิงะนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวนมหาวิทยาลัยริวกิวเมืองโอกินาวาประเทศญี่ปุ่นได้ศึกษาแนวคิดเรื่อง“ดินมีชีวิต”ของท่านโมกิจิโอกะดะ(พ.ศ.2425-2498)บิดาแห่งการเกษตรธรรมชาติของโลกจากนั้นดร.ฮิงะเริ่มค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปีพ.ศ.2510และค้นพบอีเอ็มเมื่อปีพ.ศ.2526ท่านอุทิศทุ่มเททำการวิจัยผลว่ากลุ่มจุลินทรีย์นี้ใช้ได้ผลจริงหลังจากนั้นศาสตราจารย์วาคุกามิได้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทยโดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนาหรือคิวเซ(คิวเซแปลว่าช่วยเหลือโลก)ปัจจุบันตั้งอยู่ที่อ.แก่งคอยจ.สระบุรีจากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี3กลุ่มคือ
กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10%
กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10%
กลุ่มกลาง มีประมาณ 80% จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใดมีจำนวนมากกว่า กลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย
ดัง นั้น การเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพลงในดินก็เพื่อให้กลุ่มสร้างสรรค์มีจำนวน มากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลังขึ้นมา อีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป จุลินทรีย์มี 2 ประเภท
ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Bacteria)
ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria)
จุลินทรีย์ ทั้งสองกลุ่มนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและสามารถอยู่ร่วมกันได้จากการค้นคว้าดังกล่าวได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อพืชสัตว์และสิ่งแวดล้อมมารวมกัน5กลุ่ม(ครอบครัว)10จีนัสของแท้80ชนิด(เครื่องเทศ)ได้แก่
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน มีคุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms) ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน กรดอะมิโน (Amino acids) น้ำตาล (Sugar) วิตามิน (Vitamins) ฮอร์โมน (Hormones) และอื่น ๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน
กลุ่มที่3เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักซินโนกูมิกหรือหมักจุลินทรีย์ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ต้านทานโรคโรคทนทาน)เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดีช่วยลดการพังทลายของดินป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิดของพืชและสัตว์สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสียที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆได้
กลุ่มที่4เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน(ไนโตรเจนกำลังแก้ไขจุลินทรีย์มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่ายสาหร่ายและพวกแบคทีเรีย(แบคทีเรีย)ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตเช่นโปรตีนโปรตีนกรดอินทรีย์ชีวภาพกรด)กรดไขมันไขมันกรด)แป้งแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต)ฮอร์โมน(ฮอร์โมน)วิตามิน(วิตามิน)ฯลฯ
กลุ่มที่5เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก(แลคติกกรด)มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นโทษส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใจทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อยหรือดินก่อโรคให้เป็นดินที่ต้านทานโรคช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่มีจำนวนนับแสนหรือทำให้หมดไปนอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพืชช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย
EM เป็นจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มที่มีประโยชน์หรือเรียกว่ากลุ่มธรรมะ ดังนั้นเวลาจะใช้ EM ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่า EM เป็นสิ่งมีชีวิต และมีลักษณะดังนี้
ต้องการที่อยู่เหมาะสม ไม่ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไปอยู่ในอุณหภูมิปกติ
ต้องการอาหารจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาล รำข้าว โปรตีน และสารประกอบอื่น ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
เป็นจุลินทรีย์จากธรรมชาติ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมีและยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้
เป็นตัวเอื้อประโยชน์แก่พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
EM จะทำงานในที่มืดได้ดี ดังนั้นควรใช้ช่วงเย็นของวัน
เป็นตัวทำลายความสกปรกทั้งหลาย
หัวเชื้อ EM สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 ปี โดยปิดฝาให้สนิท
อย่าทิ้ง EM ไว้กลางแดด และอย่าเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ
ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท เพื่อไม่ให้เชื้อโรค หรือจุลินทรีย์ในอากาศที่เป็นโทษเข้าไปปะปน
การนำ EM ไปขยายต่อ ควรใช้ภาชนะที่สะอาดและใช้ให้หมดในระยะเวลาที่เหมาะสม
หาก EM เปลี่ยนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นเน่า ถือว่า EM ตาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ให้นำ EM ที่เสียผสมน้ำรดกำจัดหญ้าและวัชพืชที่ไม่ต้องการได้
กรณีเก็บไว้นาน ๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ แสดงว่า EM พักตัว เมื่อเขย่าภาชนะฝ้าขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิมนำไปใช้ได้
เมื่อ นำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จะมีกลิ่นหอม และเป็นฟองขาว ๆ ภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟอง น้ำนิ่งสนิทแสดงว่าการหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล
จุลินทรีย์ EM มีประโยชน์อย่างไร
การใช้จุลินทรีย์สด หรือ EM สด หมายถึง การใช้จุลินทรีย์ (EM) จากโรงงานผลิต หรือผู้จำหน่ายที่ยังไม่ได้ทำการแปรสภาพ
วิธีใช้และประโยชน์ของ EM สด
1.ใช้กับพืช(ปุ๋ยน้ำ)ผสมน้ำในอัตรา1:1000(อีเอ็ม.1ช้อนโต๊ะกากน้ำตาล1ช้อนโต๊ะ:น้ำ10ลิตร)ใช้ฉีดพ่นรดราดพืชต่างๆให้ทั่วจากดินลำต้นกิ่งใบและนอกทรงพุ่มพืชผักฉีดพ่นรดราดทุก3วันไม้ดอกไม้ประดับเดือนละ1ครั้งการใช้จุลินทรีย์สดในดินควรมีอินทรีย์วัตถุปกคลุมด้วยเช่นฟางแห้งใบไม้แห้งฯลฯเพื่อรักษาความชื้นและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ต่อไป
2.ใช้ในการทำ EM ขยายปุ๋ยแห้ง
3.ใช้กับสัตว์ (ไม่ต้องผสมกากน้ำตาล) ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ให้สัตว์กินทำให้แข็งแรง ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร ใช้พ่นคอกให้สะอาดกำจัดกลิ่น หากสัตรว์เป็นโรคทางเดินอาหารให้กิน EM สด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารให้สัตว์กิน ฯลฯ
ใส่ห้องน้ำห้องส้วมและในโถส้วมทุกวันวันละ1ช้อนโต๊ะ(หรือสัปดาห์ละ1/2แก้ว)ช่วยให้เกิดการย่อยสลายไม่มีกากทำให้ส้วมไม่เต็มกำจัดกลิ่นด้วยการผสมน้ำและกากน้ำตาลในอัตราส่วน1:1:1000(อีเอ็ม.1ช้อนโต๊ะ:กากน้ำตาล1ช้อนโต๊ะ:น้ำ1ลิตร)ฉีดพ่นทุก3วัน
บำบัดน้ำเสีย 1: 1000 หรือ EM 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร
ใช้กำจัดเศษอาหาร หรือทำปุ๋ยน้ำจากเศษอาหาร แก้ไขท่ออุดตัน EM 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ 5-7 วัน/ครั้ง
ฉีดพ่นปรับอากาศในครัวเรือน
ใช้ ฉีด พ่น หรือ ราดลงไปในแหล่งน้ำ 1 ลิตร : 10 ลบ.ม.กลิ่นจากของแห้ง แข็ง มีความชื้นต่ำ แล้วแต่สภาพความแห้ง หรือความเหม็น โดย ผสมน้ำ 1 : 100 หรือ 200 หรือ 500 ส่วน
ขยะแห้งประเภทกระดาษ ใบตอง เศษอาหาร ใช้ฉีดพ่น อัตรา EM ขยาย 1 ส่วนผสมน้ำ 500 ส่วน หรือ EM ขยาย 1 ลิตร : น้ำ 500 ลิตร
วิธีใช้และประโยชน์ EM ขยาย
ผสมน้ำ 1 : 100 ฉีดพ่นคอก กำจัดแมลงรบกวน
ผสมน้ำ 1: 1000 ล้างคอก กำจัดกลิ่น
ผสมน้ำในอัตรา 1: 500 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร เพื่อหมักหญ้าแห้ง ฟางแห้ง เป็นอาหารสัตว์
ใช้ทำปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยแห้ง เหมือนใช้ EM สด
ใช้กับสิ่งแวดล้อม เหมือนใช้ EM สด
รองก้นหลุม ร่วมกับอินทรีย์วัตถุ เช่น ฟางแห้ง ใบไม้แห้ง
คลุมดิน คือ โรยผิวดินบนแปลงผัก หรือใต้ทรงพุ่มของต้นไม้
ใช้ในนา ไร่ ร่วมกับ EM ขยาย ใส่ถุงแช่น้ำอัตรา 1 กก.: น้ำ 200 ลิตร หมักไว้ 12-24 ชั่วโมง นำไปรดพืชผัก
เพื่อสร้างอาหารในน้ำก่อนปล่อยสัตว์ลงน้ำ
เพื่อบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยง
เพื่อบำบัดกลิ่นร่วมกับ EM ขยาย
เพื่อบำบัดน้ำเสียร่วมกับ EM ขยาย
ใช้ในการหมักเศษอาหาร ทำปุ๋ยน้ำ
ใช้ในขยะเปียกอื่น ๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป
ปัจจุบันอีเอ็มได้รับความนิยมขยายไปสู่ชาวโลกเนื่องจากเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่มีพิษภัยมีแต่ประโยชน์ถ้าสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและมุ่งเน้นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทำให้การขยายการใช้อีเอ็มไปสู่เกษตรกรและองค์กรทั่วโลกแล้วกว่า30ประเทศอาทินานธรรมชาติการทำฟาร์มการวิจัยศูนย์กลางการเคลื่อนไหว(อินฟราเรด)ญี่ปุ่นอีเอ็มการวิจัยองค์กร(EMRO)ญี่ปุ่นนานสหพันธ์ของเกษตรกรรมการเคลื่อนไหว(IFOAM)เยอรมนีเป็นต้นและแคลิฟอร์เนียได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเกษตรกรประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเกษตรธรรมชาติได้ให้คำรับรองเมื่อค.ศ.1993ว่าเป็นวัสดุประเภทจุลินทรีย์จุลินทรีย์สารปลอดสารพิษ)ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง100%
สำหรับในประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำไปวิเคราะห์แล้วรับรองว่า จุลินทรีย์ EM ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ จึงสามารถนำ EM ไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ ดังนี้
วัตถุประสงค์หลักของการใช้ปุ๋ยชีวภาพ
ผลผลิตปลอดสารพิษและสารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อม
ผลผลิตสูง มีคุณค่าทางโภชนาการ รักษาสิ่งแวดล้อม
สุขภาพผู้ผลิต และผู้บริโภคแข็งแรงมีพลานามัยดี
ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจของผู้ผลิตและผู้บริโภค
เป็นวิธีง่าย ๆ ใครก็ทำได้