Product description
กากน้ำตาลแท้ 100% ไม่ผสมน้ำ ได้มาตรฐาน หอมหวานไม่เหม็นเปรี้ยว
กากน้ำตาลเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายที่หลายคนอาจมองข้าม แต่แท้จริงแล้วเป็นขุมทรัพย์แห่งคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์อเนกอนันต์ที่รอให้คุณได้ค้นพบ เนื้อหนึบ สีน้ำตาลเข้ม และรสชาติหวานเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ของกากน้ำตาลที่ทำให้มันแตกต่างจากสารให้ความหวานชนิดอื่นๆ
แหล่งที่มาและกระบวนการผลิต
กากน้ำตาลได้มาจากการเคี่ยวน้ำอ้อยหรือน้ำตาลบีทในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย โดยเมื่อเคี่ยวน้ำตาลจนตกผลึกและแยกผลึกน้ำตาลออกแล้ว ของเหลวสีน้ำตาลเข้มที่เหลือคือ “กากน้ำตาล” ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารมากมาย
กากน้ำตาลมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตและวัตถุดิบที่ใช้
•กากน้ำตาลดำ มีรสชาติเข้มข้นที่สุด เป็นผลิตภัณฑ์จากการผลิตน้ำตาลทรายดิบ
•กากน้ำตาลทอง มีสีอ่อนกว่า รสชาติละมุนกว่า ได้จากการผลิตน้ำตาลทรายขาว
•กากน้ำตาลธรรมชาติ ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการฟอกสี มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
•ใช้ทำปุ๋ย
•ใช้เลี้ยงสัตว์ใช้ผลิตแอลกอฮอล์
•ใช้ในอุตสาหกรรมยีสต์
•ใช้ทำผงชูรส
•เป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในการหมักเพื่อทำน้ำหมักปลา น้ำหมักชีวภาพ น้ำหมักนม น้ำหมักอื่นๆ
คุณประโยชน์ของกากน้ำตาลในการเกษตร
1. การปรับปรุงดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
กากน้ำตาลประกอบด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
•โพแทสเซียม ช่วยในการสังเคราะห์แสงและการสร้างแป้ง
•แคลเซียม ส่งเสริมการแข็งแรงของผนังเซลล์พืช
•แมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบของคลอโรฟิลล์
•เหล็ก จำเป็นต่อกระบวนการสร้างคลอโรฟิลล์
•กำมะถัน ช่วยในการสร้างโปรตีนและวิตามิน
เมื่อเรานำกากน้ำตาลมาผสมกับดิน จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มการระบายน้ำ และกักเก็บความชื้นได้ดีขึ้น ทำให้รากพืชแผ่ขยายและดูดซับสารอาหารได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. กระตุ้นจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน
กากน้ำตาลเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตและพลังงานอันดีเยี่ยมสำหรับจุลินทรีย์ในดิน
•เพิ่มปริมาณและกิจกรรมของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในดิน
•กระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อราไมคอร์ไรซา ที่ช่วยพืชในการดูดซับธาตุอาหาร
•ส่งเสริมการย่อยสลายสารอินทรีย์ในดินให้กลายเป็นฮิวมัส
การเพิ่มกิจกรรมของจุลินทรีย์เหล่านี้ช่วยสร้างระบบนิเวศในดินที่สมดุล ลดการระบาดของโรคพืชที่มีสาเหตุจากเชื้อโรคในดิน
3. ส่วนผสมในปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพ
กากน้ำตาลเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต
•ปุ๋ยหมัก เร่งกระบวนการย่อยสลายและเพิ่มคุณภาพของปุ๋ยหมัก
•น้ำหมักชีวภาพ เป็นแหล่งอาหารให้จุลินทรีย์ในการผลิต EM (Effective Microorganisms)
•ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ผสมกับวัสดุอินทรีย์อื่นๆ เช่น ปลา กระดูกสัตว์ หรือพืชสมุนไพรเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำที่อุดมด้วยธาตุอาหาร
สูตรพื้นฐานน้ำหมักชีวภาพจากกากน้ำตาล
•กากน้ำตาล 1 ส่วน
•น้ำสะอาด 10 ส่วน
•EM หัวเชื้อ 1 ส่วน หมักในถังปิดสนิท 7-14 วัน ก่อนนำไปใช้
4. ล่อและกำจัดแมลงศัตรูพืชอย่างธรรมชาติ
กากน้ำตาลมีกลิ่นหอมหวานที่ดึงดูดแมลง สามารถนำมาใช้ทำกับดักแมลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
•กับดักแมลงวันผลไม้ ผสมกากน้ำตาลกับน้ำส้มสายชูและน้ำในอัตราส่วน 1:1:4 บรรจุในขวดพลาสติกที่เจาะรู
•กำจัดมด ผสมกากน้ำตาลกับกรดบอริกในอัตราส่วน 1:1 วางในจุดที่มดชอบเดินผ่าน
•ล่อผีเสื้อกลางคืน ผสมกากน้ำตาลกับเบียร์และกล้วยสุกบด ทาบนต้นไม้หรือก้อนหินในเวลากลางคืน
วิธีนี้ช่วยลดการใช้สารเคมีกำจัดแมลงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
5. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช
•เร่งการเจริญเติบโตของพืชด้วยธาตุอาหารที่พืชดูดซึมได้ทันที
•ช่วยเพิ่มขนาดและคุณภาพของผลผลิต
•กระตุ้นการออกดอกและติดผล
•เสริมความแข็งแรงให้พืช ต้านทานโรคและแมลงได้ดีขึ้น
•กากน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
•น้ำสะอาด 1 ลิตร ฉีดพ่นทุก 1-2 สัปดาห์ในช่วงเช้าหรือเย็น
6. ปรับปรุงคุณภาพปศุสัตว์และการเลี้ยงสัตว์
•อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง เพิ่มพลังงานและธาตุอาหารในอาหารสัตว์
•ปรับปรุงดินในบ่อเลี้ยงปลา ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
•บำบัดน้ำเสียจากฟาร์มปศุสัตว์ ช่วยลดกลิ่นและเร่งการย่อยสลายสารอินทรีย์
วิธีประยุกต์ใช้กากน้ำตาลในฟาร์มของคุณ
1. การใช้กากน้ำตาลโดยตรงกับดิน
•อัตราส่วน กากน้ำตาล 1 ลิตรต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร
•ความถี่ ทุก 2-3 เดือนสำหรับพืชทั่วไป หรือทุก 1 เดือนสำหรับพืชที่ต้องการธาตุอาหารสูง
•วิธีการ ผสมกากน้ำตาลกับน้ำในอัตราส่วน 1:10 แล้วรดลงดินรอบๆ โคนต้น
2. การผลิตปุ๋ยหมักด้วยกากน้ำตาล
•ผสมกากน้ำตาล 1 ลิตรกับน้ำ 10 ลิตร
•ราดลงบนกองปุ๋ยหมักที่มีส่วนผสมของเศษพืช มูลสัตว์ และวัสดุอินทรีย์อื่นๆ
•คลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วคลุมด้วยวัสดุกันแดดและฝน
•ปุ๋ยหมักจะสมบูรณ์เร็วขึ้น 30-50% เมื่อเทียบกับการไม่ใช้กากน้ำตาล
3. การทำน้ำหมักจุลินทรีย์
•ผสมกากน้ำตาล 1 ส่วนกับน้ำมะพร้าว 3 ส่วน และหัวเชื้อ EM 1 ส่วน
•หมักในถังที่ปิดสนิทแต่ไม่แน่นเกินไป (ควรมีช่องระบายก๊าซ)
•หมัก 7-15 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ
•ใช้ในอัตราส่วน 1:500 สำหรับฉีดพ่นทางใบ หรือ 1:100 สำหรับรดดิน
ข้อควรระวังในการใช้กากน้ำตาลเพื่อการเกษตร
•อย่าใช้มากเกินไป ความเข้มข้นสูงอาจทำให้ดินเป็นกรดหรือดึงดูดแมลงมากเกินไป
•เจือจางให้เหมาะสม ใช้อัตราส่วนตามคำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการ “เผา” พืช
•เก็บให้พ้นมือเด็ก ความหวานอาจดึงดูดสัตว์และแมลง
•หมั่นตรวจสอบค่า pH ของดิน ปรับสมดุลหากจำเป็น
•ช่วยปรับโครงสร้างดินให้จับตัวดีขึ้น มีความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสมในการปลูกพืช)
•เก็บกากน้ำตาลในภาชนะปิดสนิทในที่เย็นและแห้ง จะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี โดยไม่เสื่อมคุณภาพ